แพคเกจจิ้ง ไม่ใช่เพียงเปลือกห่อหุ้มสินค้า แต่เป็นประตูด่านแรกที่เชื่อมโยงการรับรู้ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแบรนด์คุณ เราจึงมีเทคนิคดีๆ มาฝากเพื่อคุณเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้าของคุณ
1.กำหนดจากลูกค้าเป้าหมาย
ระหว่าง Customer กับ Consumer คุณต้องเข้าใจว่าใครคือผู้ซื้อสินค้าของคุณ ใครคือคนที่จ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์นี้ ยิ่งคุณเห็นลูกค้าเป้าหมายชัด การกำหนดบรรจุภัณฑ์จะยิ่งง่ายและเหมาะสม เช่น ผู้ใช้สินค้าของคุณเป็นเด็ก แต่ผู้จ่ายเงินเป็นคุณพ่อคุณแม่ จะทำอย่างไรให้บรรจุภัณฑ์นั้นดึงดูดเด็กๆ และสื่อสารชัดเจน น่าเชื่อถือจนพ่อแม่ยอมจ่ายเงินซื้อได้ง่ายดาย
2.ดูจากคุณลักษณะหรือจุดเด่นของสินค้า
ความสำคัญของคุณลักษณะของสินค้า ที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อกำหนดบรรจุภัณฑ์ เช่น คุณลักษณะของเหลว ครีม หรือขี้ผึ้ง หรือของแข็ง เป็นตัวกำหนดรูปแบบบรรจุภัณฑ์ แต่ขณะเดียวกัน หากคุณต้องการระบุคุณสมบัติพิเศษของตัววัตถุดิบหลักของสินค้า ซึ่งเป็นจุดแข็งที่พิเศษกว่าคู่แข่งมากพอ ก็สามารถนำมาพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกบรรจุภัณฑ์ได้ด้วย เช่น ครีมหรือโลชั่นของคุณมีส่วนผสมจากผลไม้ การออกแบบทรงของบรรจุภัณฑ์ให้เป็นรูปผลไม้ จะทำให้ลูกค้าเป้าหมายเชื่อมโยงเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การบอกเล่าข้อมูล สามารถพิมพ์บนบรรจุภัณฑ์หรือกล่องบรรจุให้สอดคล้องกัน เพิ่มสื่อสารให้ชัดเจนได้มากขึ้น
3. พิจารณาคุณลักษณะการใช้งาน
ลองนึกถึงแยมผลไม้ที่ต้องคอยเปิดฝาขวดทุกครั้งเมื่อจะทาน หากอยู่บ้านคงสะดวก แต่หากต้องพกพาในระหว่างการเดินทางคงไม่ง่ายนักที่จะใช้ ตัวอย่างแยมผลไม้ที่บรรจุเป็นหลอด ง่ายต่อการทาน ไม่ต้องใช้ช้อนหรืออุปกรณ์เสริม เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในจุดนี้ ลองดูว่า บรรจุภัณฑ์ของคุณ ช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายของคุณ ใช้งานสะดวกขึ้นได้อย่างไร?
4.เลือกวัสดุที่ใช้บรรจุสินค้าให้เหมาะสม
ข้อนี้มีผลสัมพันธ์โดยตรงต่อตัวสินค้าที่อยู่ด้านใน หากสินค้าของคุณมีอายุใช้งานจำกัด วัสดุที่ใช้บรรจุ มีผลต่อการยืดอายุสินค้าหรือไม่? หรือกรณีสินค้าของคุณไม่ใช่อาหาร แต่เป็นครีมหรือโลชั่น ระหว่างเป็นหลอดพลาสติก หลอดอลูมิเนียม หรือขวดแก้ว แบบไหนมีผลต่อสินค้าภายใน
5.ราคาของบรรจุภัณฑ์
แพคเกจจิ้ง ถือเป็นต้นทุนในการผลิต ที่มีผลต่อกำไรและทิศทางการทำการตลาด เมื่อเราพิจารณาเลือกบรรจุภัณฑ์ที่คุณสมบัติเหมาะสมจากข้อเบื้องต้นที่กล่าวมา และมีราคาเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่แพงหรือถูกเกินไป จะช่วยให้แบรนด์กำหนดทิศทางของภาพลักษณ์และการทำโปรโมชั่นสินค้าได้ชัดเจนขึ้น การใช้ของถูกแต่ไม่ดี อาจส่งผลเสียมากกว่าในภายหลัง ขณะที่การใช้ของแพงเกินไป อาจมีผลต่อกำไร ลองศึกษาดูจากกลุ่มสินค้าคู่แข่ง และจากพฤติกรรมของลูกค้า จะช่วยให้คุณได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น
6.การขนส่งสินค้า
สินค้าของคุณมีการกระจายสินค้าอย่างไรก่อนถึงมือผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยปกป้องสินค้าคุณให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ในยุคที่การขายสินค้าออนไลน์กระจายตัวอย่างมาก หากสินค้าของคุณถูกจัดส่งในสภาพที่เสียหายก่อนถึงมือลูกค้า ย่อมมีผลต่อความรู้สึกแล้วในครั้งแรก การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรง ทนทาน หรือมีโครงสร้างภายในที่ช่วยปกป้องสินค้าได้ดีเยี่ยม จึงเป็นส่วนที่ควรคำนึงไม่แพ้กัน
7.ช่วยส่งเสริมแบรนด์ การตลาด และการโปรโมทบนโซเชียลมีเดีย
เมื่อสถิติการชอปออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง การที่ลูกค้าจะได้มีโอกาสสัมผัสสินค้าก่อนซื้อจึงเป็นเรื่องยาก จึงไม่แปลกที่รีวิวจาก Influencer หรือ เหล่า Content Creator จะมีผลอย่างมากต่อการกำหนดชะตาธุรกิจ บรรจุภัณฑ์ที่ถูกคิดและวางแผนมาอย่างดี มีผลต่อการสื่อสารและช่วยลดต้นทุนการทำโฆษณาได้มาก หากกล่องของคุณมี “เรื่องเล่าที่น่าสนใจ” และ “ดูดีเมื่อนำเสนอ”
เราเห็นตัวอย่างมากมายที่หลายธุรกิจ ใช้กล่องบรรจุภัณฑ์เป็นตัวเปิดเรื่องในการโปรโมทแบรนด์ ไปยังกลุ่มผู้บริโภค และสร้างกระแสให้เป็นที่ต้องการ จนเกิดปริมาณความสนใจในวงกว้าง ซึ่งจะนำไปสู่ยอดขายได้ในที่สุด หากคุณต้องการการประหยัดต้นทุนด้านการตลาด จุดนี้เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรมองข้าม
ตัวอย่างกล่องแมนสรวง
นี่คือ 7 เทคนิคก่อนการเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับแบรนด์หรือธุรกิจคุณ สิ่งสำคัญ หากคุณต้องการใช้กล่องจั่วปังที่ดี มีคุณภาพ โรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO อย่าง บ.ยูนิ จี พร้อมรองรับด้วยมาตรฐานและความเชี่ยวชาญในงานบริการ ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสม แบบ One Stop Service
Comments